การปลูกกะหล่ำปลี

การปลูก
เมื่อกล้ามีอายุได้ประมาณ 25-30 วัน จึงย้ายปลูกในแปลงปลูกที่ เตรียมไว้ โดยให้มีระยะปลูก 30-40
x 30-40 เซนติเมตร การปลูกอาจปลูกเป็นแบบแถวเดียว หรือแถวคู่ก็ได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของสวน
การดูแลรักษา
1. การใส่ปุ๋ย กะหลํ่าปลีเป็นพืชที่ต้องการธาตุไนโตรเจนและโปตัสเซียมสูง เพื่อใช้ในการสร้าง
ความเจริญเติบโตให้แก่ต้นพืช ปุ๋ยที่แนะนำ ให้ใช้คือ ปุ๋ยสูตร 13-13-21 หรือ 14-14-21 โดยแบ่งใส่
2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ใส่รองพื้นขณะปลูก แล้วพรวนกลบลงในดิน ครั้งที่ 2 ใส่หลังจากกะหลํ่าปลีมีอายุได้
7-14 วัน และควรใส่ปุ๋ยไนโตรเจน เช่น ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต หรือยูเรียควบคู่ไปด้วย ซึ่งการใส่ปุ๋ยนี้ก็
แบ่งใส่ 2 ครั้งเช่นกัน คือ ใส่เมื่อกะหลํ่าปลีมีอายุได้ 20 วัน และเมื่ออายุได้ 40 วัน โดยการโรยข้างๆ
ต้น
2. การให้นํ้าควรให้นํ้าอย่างสมํ่าเสมอ โดยปล่อยไปตามร่องระหว่างแปลงประมาณ 7-10 วัน/
ครั้ง ในเขตร้อนและแห้งแล้งจำ เป็นต้องให้นํ้ามากขึ้น และเมื่อกะหลํ่าปลีเข้าปลีเต็มที่แล้ว ควรลด
ปรมิ าณน้ำ ใหน้ อ้ ยลง เพราะหากกะหลํ่าปลไี ดร้ บั น้ำ มากเกินไปจะทำ ใหป้ ลแี ตก
3. การพรวนดินและกำ จัดวัชพืช ในระยะแรกๆ ควรปฏิบัติบ่อยๆ เพราะวัชพืชจะเป็นตัวแย่ง
อาหารในดินรวมทั้งเป็นที่อาศัยของโรคและแมลงอีกด้วย

การปลูกกะหล่ำปลี

                                    การปลูกกะหล่ำปลี

การปลูก
เมื่อกล้ามีอายุได้ประมาณ 25-30 วัน จึงย้ายปลูกในแปลงปลูกที่ เตรียมไว้ โดยให้มีระยะปลูก 30-40
x 30-40 เซนติเมตร การปลูกอาจปลูกเป็นแบบแถวเดียว หรือแถวคู่ก็ได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของสวน
การดูแลรักษา
1. การใส่ปุ๋ย กะหลํ่าปลีเป็นพืชที่ต้องการธาตุไนโตรเจนและโปตัสเซียมสูง เพื่อใช้ในการสร้าง
ความเจริญเติบโตให้แก่ต้นพืช ปุ๋ยที่แนะนำ ให้ใช้คือ ปุ๋ยสูตร 13-13-21 หรือ 14-14-21 โดยแบ่งใส่
2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ใส่รองพื้นขณะปลูก แล้วพรวนกลบลงในดิน ครั้งที่ 2 ใส่หลังจากกะหลํ่าปลีมีอายุได้
7-14 วัน และควรใส่ปุ๋ยไนโตรเจน เช่น ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต หรือยูเรียควบคู่ไปด้วย ซึ่งการใส่ปุ๋ยนี้ก็
แบ่งใส่ 2 ครั้งเช่นกัน คือ ใส่เมื่อกะหลํ่าปลีมีอายุได้ 20 วัน และเมื่ออายุได้ 40 วัน โดยการโรยข้างๆ
ต้น
2. การให้นํ้าควรให้นํ้าอย่างสมํ่าเสมอ โดยปล่อยไปตามร่องระหว่างแปลงประมาณ 7-10 วัน/
ครั้ง ในเขตร้อนและแห้งแล้งจำ เป็นต้องให้นํ้ามากขึ้น และเมื่อกะหลํ่าปลีเข้าปลีเต็มที่แล้ว ควรลด
ปรมิ าณน้ำ ใหน้ อ้ ยลง เพราะหากกะหลํ่าปลไี ดร้ บั น้ำ มากเกินไปจะทำ ใหป้ ลแี ตก
3. การพรวนดินและกำ จัดวัชพืช ในระยะแรกๆ ควรปฏิบัติบ่อยๆ เพราะวัชพืชจะเป็นตัวแย่ง
อาหารในดินรวมทั้งเป็นที่อาศัยของโรคและแมลงอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น